
มาทำความรู้จักฟิลเลอร์ Juvederm กัน
ทุกคนคะ ! ใครเป็นแฟนคลับเรื่องความสวยความงามเนี่ย คงจะเคยได้ยินชื่อฟิลเลอร์ แบรนด์ Juvederm กันมาบ้างใช่ไหมล่ะคะ บอกเลยว่าแบรนด์นี้เนี่ยเค้าไม่ธรรมดา เป็นหนึ่งในแบรนด์ดังที่ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วโลกเลยค่ะ ใครอยากเติมเต็มริ้วรอย แก้ร่องลึกบนใบหน้า หรือคืนความสดใสให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ฟิลเลอร์นี้รับจบได้ครบถ้วนค่ะ
แรกเริ่มเดิมที ฟิลเลอร์ Juvederm ถือกำเนิดขึ้นที่บริษัท Allergan ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทนี้มีชื่อเสียงมาก ๆ ในด้านการผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามค่ะ แล้วหลังจากนั้นริษัท Allergan Thailand ก็ได้นำเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย พร้อมการันตีมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยด้วยการรับรองจาก US FDA และ อย. ประเทศไทย อีกด้วยค่ะ

ฟิลเลอร์ Juvederm ของเรานี้นะคะมีส่วนประกอบหลัก คือ สาร Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ มีหน้าที่ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น เต่งตึง และยืดหยุ่นได้ดี โดยทางแบรนด์เนี่ยได้เลือกใช้กระบวนการผลิต 2 เทคโนโลยี เพื่อให้ได้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน สามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าอย่างตอบโจทย์เลยค่ะ ซึ่งเทคโนโลยีทั้งสองนี้ ได้แก่
Hylacross Technology จะมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการอุ้มน้ำ เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ผิวแล้วจะฟู มีความยืดหยุ่นมาก และทนต่อการขยับกล้ามเนื้อได้ดี ดังนั้นฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยเทคโนโลยีนี้จึงเหมาะกับการฉีดบริเวณที่ขยับบ่อย ๆ เช่น ร่องแก้ม เป็นต้นค่ะ
Vycross Technology จะเน้นที่ความหนาแน่นของโมเลกุล มีอัตราการอุ้มน้ำที่น้อย แต่แทนที่ด้วยคุณสมบัติในด้านการยกกระชับ ทำให้หลังฉีดฟิลเลอร์ ผิวจะมีความเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานค่ะ โดยฟิลเลอร์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้จะเหมาะสำหรับฉีดเพื่อเติมความอวบอิ่มของริมฝีปากหรือฉีดเพื่อเติมเต็มร่องแก้มนะคะ
1. Juvederm Ultra Plus – ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและฟูมาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาจำพวกร่องลึกที่เกิดขึ้นตามช่วงอายุ อย่างเช่น บริเวณแก้มและร่องน้ำหมาก โดยผลลัพธ์ของฟิลเลอร์รุ่นนี้สามารถอยู่ได้ประมาณ 12 เดือนค่ะ
2. Juvederm Voluma – ฟิลเลอร์เนื้อแข็งและฟูปานกลาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม คาง และขมับ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลใหญ๋ และมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อฉีดแล้วผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 18 เดือนค่ะ
3. Juvederm Volift – ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มละเอียด มักใช้ในเคสที่ผู้รับบริการเป็นคนผิวบาง และต้องการกระชับผิวหน้าในระดับที่ไม่ลึกมาก ส่วนใหญ่จะใช้กับบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม และมุมปาก โดยตัวฟิลเลอร์จะคงอยู่ได้ประมาณ 12 เดือนนะคะ


4. Juvederm Volbella – ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีโมเลกุลที่เล็กและละเอียดที่สุด มักใช้กับผู้ที่ต้องการเติมผิวให้เรียบเนียน เช่น รอยย่นบริเวณหน้าผาก เมื่อฉีดแล้วฟิลเลอร์จะแสดงผลลัพธ์ได้ประมาณ 12 เดือนค่ะ
5. Juvederm Volite – ฟิลเลอร์เนื้อละเอียดอีกรุ่นหนึ่ง มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เหมาะกับการฉีดให้กับผู้รับบริการที่มีผิวไม่บางมากจนเกินไป เน้นบริเวณใต้ตา และผิวชั้นตื้นอื่น ๆ เป็นหลัก ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์นี้สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือนค่ะ
6. Juvederm Volux – ฟิลเลอร์รุ่นใหม่ไฟแรง ! จัดอยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการฉีดผิวชั้นลึก เช่น คาง ขมับ และร่องแก้ม เพราะว่ามีความยืดหยุ่นสูง และคงรูปได้ดี เมื่อฉีดแล้วสามารถอยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือนเลยทีเดียวค่ะ
อย่างไรก็ตาม หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว อาจมีอาการที่พบได้ทั่วไปแต่ไม่เป็นอันตรายด้วยค่ะ เช่น รอยเขียวช้ำ รอยเข็ม อาการปวดหรือตึง ๆ บริเวณที่ฉีด โดยอาการเหล่านี้จะดีขึ้นภายใน 3-7 วันค่ะ ส่วนอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น ผิวหนังซีดลง ผิวหนังเป็นรอยแดง มีตุ่มหนอง ตาพร่ามัว ขยับหรือแสดงสีหน้าไม่ได้ ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน กล้ามเนื้ออ่อนแรง ฯลฯ หากมีอาการเหล่านี้ให้สันนิษฐานว่าเป็นการแก้ฟิลเลอร์ และควรไปพบแพทย์โดยด่วนค่ะ
ที่สำคัญ ! การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์สำคัญมากค่ะ เพราะจะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้เร็ว และช่วยยืดอายุฟิลเลอร์ให้แสดงผลลัพธ์ได้นานอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ โดยตัวอย่างการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง ได้แก่
– ไม่กด บีบ นวด หรือขยับใบหน้าเยอะ
– ไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มแอลกอฮอล์
– ไม่นอนตะแคงในช่วง 2-3 คืนแรก และควรนอนหนุนหมอนสูงกว่าระดับหน้าอก
– หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น การทำเลเซอร์ ซาวน่า ตากแดด ฯลฯ
– หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด และอาหารหมักดอง
– ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ฟูได้รูปและอยู่ได้นานขึ้น

Messenger m.me/106619604840015
Line https://lin.ee/KOdY9O